สาเหตุที่กระจกได้รับความนิยมนำมาตกแต่งกระจกที่นิยมนำมาแต่งบ้านทั่วไป เพราะเป็นวัสดุที่มีความสวยงาม มีความเงา มองดูโล่ง โปร่งสบาย และสามารถรับแสงจากภายนอกเข้ามาสู่ตัวบ้านได้ ทำให้บ้านสว่างและไม่ดูมืดจนเกินไป ด้วยเหตุนี้เองกระจกจึงเป็นที่นิยม ด้วยกระแสของการประหยัดพลังงาน ด้วยการมีกระจกเป็นตัวรับแสงจากภายนอกเข้ามาในตัวบ้าน การสร้างบ้านในปัจจุบันส่วนใหญ่จึงจำเป็นที่จะต้องมีกระจกเป็นส่วนประกอบ
การใช้กระจกเป็นไปตกแต่งบ้านได้ ต้องคำนึงถึงการอนุรักษ์พลังงานภายในอาคารด้วย เนื่องจากประเทศไทยมีแดดจัดตลอดปี แสงอาทิตย์ ที่ส่องผ่านกระจกเข้ามา และกลายเป็นพลังงานความร้อน อยู่ภายในอาคาร การเลือกใช้กระจกจึงควรพิจารณา คุณสมบัติของกระจกให้ครบถ้วน เพื่อก่อให้เกิดการ ประหยัดพลังงานภายในอาคาร และบรรลุวัตถุประสงค์ ในการใช้งานด้วย
กระจกนอกจากจะเป็นวัสดุในการตกแต่งอาคารบ้านเรือนให้ดูสวยงามแล้วนั้น ยังมีคุณสมบัติที่สะดวกต่อการดูแลรักษาอีกมาก เช่น ไม่ผุกร่อนได้ง่ายเหมือนไม้ สีไม่ซีดหรือจางลงเมื่อมีอายุการใช้งานมากขึ้น ไม่ต้องทาสีใหม่ ไม่ต้องอุดรอยแตกร้าวเหมือนปูนหรือกระเบื้อง สามารถที่จะทำการติดตั้งได้ง่ายในราคาประหยัด ไม่ต้องเสี่ยงกับปัญหาทางธรรมชาติ เช่น ปลวก หรือเชื้อราต่างๆ เป็นต้น และที่สำคัญไม่ติดไฟได้ง่ายเหมือนวัสดุบางประเภท อย่างไม้ หรือผ้าต่างๆ รวมทั้งไม่เป็นสนิม หรือรอยขีดข่วน
กระจกยังเป็นวัสดุที่สามารถทำความสะอาดได้ง่ายเมื่อมีความสกปรกหรือเปื้อนคราบต่าง ๆ ด้วยการนำผ้ามาเช็ดเบาๆ เพียงเท่านี้คราบสกปรกก็จะหลุดออกไป หรือถ้ากระจกสกปรกมากก็จะมีน้ำยาประภทที่ใช้เช็ดกระจกโดยเฉพาะวางจำหน่ายให้ได้ซื้อไปทำความสะอาดกัน
กระจกใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีอย่างเดียว แต่ข้อเสียของกระจกก็มีอยู่เช่นกัน คือ ถ้าหากเกิดอาการแตกร้าวแล้วนั้น จำเป็นจะต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งบาน หรือทั้งส่วนที่กระจกติดอยู่ เพราะรอยแตกร้าวจะทำให้กระจกดูไม่สวยงามจากรอยแตกร้าว ที่ลามไปทั่วทั้งแผ่น
กระจกมีอยู่หลากหลายประเภท แต่ที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้ 4 ประเภท
กระจกธรรมดา หรือที่เรียกภาษาเทคนิคว่า Anneal Glass เวลาแตกจะเป็นปากปลาฉลาม ซึ่งอันตราย แต่ที่รอยแตกจะวิ่งเข้าสู่กรอบ ทำให้ส่วนใหญ่ยังไม่หล่นลงมาโดยทันทีทันใด มองจากภายนอกไม่เป็นลอนดูเรียบสวยงาม
กระจก Tempered คือเอากระจกธรรมดามาทำให้ร้อนเกือบหลอมละลายใหม่ แล้วทำให้เย็น จะเป็นการเพิ่มความแข็งแรง เวลาแตกจะแตกกระจายเป็นเม็ดเล็ก ๆ ไม่เป็นอันตรายมาก แต่จะไม่มีรอยแยกวิ่งเข้ากรอบ ทำให้เมื่อแตกแล้วจะร่วงหล่นลงมาทันที ดูจากภายนอกจะเป็นลอนเล็กน้อย จึงดูหลอกตา ในบางมุมมอง
กระจก Heat Strengthen จะคล้ายกับกระจกสองอย่างแรกปนกัน โดยนำกระจกธรรมดามาให้ความร้อน (แต่ไม่ถึงขนาดTempered Glass) จึงมีความแข็งแรงมากขึ้น (ไม่เท่ากับ Tempered) เวลาแตกจะแตกแบบ Float มองดูภายนอกเป็นลอนบ้างบางครั้ง แต่ไม่มาก
กระจก Laminated ซึ่งความจริงไม่น่าจะนำมาเปรียบเทียบกับกระจกทั้ง 3 อย่างแรก เพราะไม่ใช่แตกต่างกัน ที่วิธีการผลิต แต่เป็นการเอากระจก (อะไรก็ได้) มารีด ประกบติดกันด้วยแผ่นฟิล์ม ทำให้เกิดความแข็งแรงมากขึ้น เวลาแตกแผ่นฟิล์มจะทำหน้าที่ยึดติด ไม่ให้ร่วงหล่นลงมาได้ กระจก Laminated ซึ่งเป็นกระจกที่เวลาแตกก็จะจับตัวกันอยู่เป็นเม็ดข้าวโพด ไม่ร่วงล่นลงมา กระจกชนิดนี้นิยมใช้กับอาคารสูง เพื่อความปลอดภัยในเวลาที่เกิดอุบัติภัย
ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำหใกระจกมีการพัฒนามากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ที่รักในการตกแต่งบ้าน ทำให้มีกระจกในรูปแบบต่างๆ ออกมาให้ได้เลือกเป็นเจ้าของ และมีรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น ที่สำคัญเมือ่เลือกกระจกในแบบที่ต้องการได้แล้ว อย่าลืมศึกษารายละเอียดในการติดตั้งและทำความสะอาดรวมทั้งวิธีการดูแลรักษาจากผู้แทนจำหน่ายมาให้ดีด้วย หากคุณรู้จักใช้รู้จักถนอมรักษาอย่างถูกวิธี กระจกก็จะมีอายุการใช้งานยืนยาว และไม่เสียหายก่อนถึงเวลาอันควรครับ