แสงธรรมชาติ ช่วยบ้าน ค่าไฟ

วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม 2012 เวลา 18:10 น. ผู้ดูแลระบบ
พิมพ์

17_new

การสร้างบ้านและตกแต่งให้ถูกวิธีนั้น ควรจะมีการสร้างที่หันทิศทางบ้านเข้าหาแสงจากธรรมชาติให้ถูกต้อง เพื่อจะช่วยในเรื่องของการประค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้า พึ่งพาแสงจากธรรมชาติ โดยเฉพาะในเวลากลางวัน ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเรือ่งของค่าไฟฟ้าได้อย่างมากเลยทีเดียว

แสงธรรมชาติ แสงธรรมชาติเป็นสิ่งที่ถูกนำมาใช้เพื่อให้บ้านขนาดเล็กดูกว้างใหญ่ขึ้นได้ การเจาะช่องหน้าต่างให้ใหญ่และมีจำนวนมากก็จะช่วยรับแสงธรรมชาติได้มากขึ้น เพราะนอกจากหน้าต่างที่กว้างจะเป็นการเปิดรับแสงธรรมชาติแล้ว ยังเป็นช่องลมให้ภายในบ้านเย็นสบายยิ่งขึ้น อีกอย่างหน้าต่างที่กว้าง ยังจะเป็นตัวนำสายตาให้มองออกไปข้างนอก ไม่ถูกปิดกั้นจึงทำให้บริเวณบ้านดูเหมือนกว้างขึ้น การเปลี่ยนกระเบื้องมุงหลังคาเป็นกระเบื้องชนิดโปร่งแสงบริเวณบันไดและห้องน้ำ ก็เป็นวิธีง่ายๆ ที่ทำให้บ้านเปิดรับแสงธรรมชาติ เพราะเมื่อห้องยิ่งสว่างยิ่งดูกว้างขึ้น

การใช้แสงจากธรรมชาติ ถือเป็นหลักข้อสำคัญในการสร้างบ้านในสมัยนี้ เพราะข้อสำคัญเลยคือช่วยลดการเปิดไฟในบ้านเวลากลางวัน ซึ่งเป็นช่วงที่มีแสงสว่างธรรมชาติจากภายนอกอย่างเพียงพอ หากอากาศไม่แปรปรวนจนเกินไป ก็จะทำให้แสงสว่างอย่างพอเพียง แต่การที่บ้านจะได้รับแสงจากธรรมชาติเพียงพอ ก็ขึ้นอยู่กับทิศทางของการสร้างบ้านด้วย

การสร้างบ้านให้ถูกทิศทาง เป็นข้อสำคัญ เพราะถ้าหันบ้านให้ถูกทิศทาง ก็จะได้รับแสงจากธรรมชาติอย่างเต็มที่ สิ่งที่สถาปนิกมองเป็นสิ่งแรกในการสร้างบ้านเข้าหาแสงธรรมชาตินั่นก็คือ "เปิดรับแสงเหนือ" และต้องรู้จักการป้องกันแสงแดดโดยการ "กันแดดด้านตะวันตกและใต้"

แต่การสร้างบ้านในแต่ละที่ ก็ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับทิศทางลมของภูมิประเทศที่จะสร้างบ้าน และสิ่งก่อสร้างรอบๆ บ้าน ที่กำลังจะสร้าง ว่ามีสิ่งก่อสร้างอย่างเช่น ตึก หรืออาคาร บดบังการหันเหของแสงบ้างหรือไม่ ก่อนสร้างจึงต้องมององค์ประกอบต่างๆ เพื่อการตัดสินใจด้วย

การรับแสงธรรมชาติเข้าบ้านที่ดีนั้นควรอยู่ในทิศทางที่ไม่มีแสงแดดเข้ามา การที่มีช่องแสงหรือหน้าต่างทางทิศเหนือนั้น จะรับแสงสว่างจากธรรมชาติได้ดีที่สุด หรือทางทิศตะวันออก ตะวันออกเฉียงเหนือที่ช่วงบ่ายจะไม่โดนแดด ก็จัดว่าได้รับแสงธรรมชาติที่ดีเช่นกัน

ที่ต้องให้คำนึงถึงการเปิดรับแสงเหนือ ก็เพราะว่าในหนึ่งปีดวงอาทิตย์จะเคลื่อนที่ไปทางทิศเหนือเพียง เดือนต่อปี จึงควรที่จะต้องควรออกแบบให้มีแสงธรรมชาติส่องอย่างทั่วถึง ลดการใช้ไฟฟ้าให้น้อยที่สุด เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้น้อยลงตามไปด้วย

การทาสีบ้านหรือว่าห้องที่ต้องรับแสงให้ถูกวิธีก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง จะทำให้แสงธรรมชาติที่ได้รับเพิ่มความสว่างมากขึ้นกว่าเดิม หากสีของผนังและสีของห้องมีสีที่ไม่สว่าง ควรปรับเปลี่ยนสีของผนังด้วยการทาสีผนังและเพดานห้องด้วยสีอ่อนๆ ช่วยสะท้อนแสงธรรมชาติและเพิ่มความสว่าง

รู้จักการเลือกใช้กระจกให้ถูกรูปแบบ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธี ที่จะรับแสงจากธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ควรเลือกใช้กระจกประเภทที่แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้อย่างสะดวก ในขณะเดียวกัน ก็ต้องยอมให้ความร้อนเข้ามาในอาคารน้อยที่สุดด้วย ไม่ควรเลือกกระจกที่ทึบจนแสงผ่านเข้ามาไม่ได้เลย เพราะจะทำให้บ้านของคุณมืดจนเกินไป แต่ต้องเป็นกระจกที่กันความร้อนได้ด้วย เพราะฉะนั้นบ้านของคุณจะรับทั้งแสงและความร้อนเข้ามา ทำให้บ้านเกิดความร้อนจนเกินไป

ก่อนการตัดสินใจสร้างบ้าน ควรมองถึงสาเหตุปัจจัยเหล่านี้เป็นส่วนประกอบ เพราะนอกจากจะช่วยคุณในเรื่องของการได้รับแสงจากธรรมชาติที่ถูกวิธีแล้ว ยังจะช่วยคุณลดค่าใช้จ่ายการค่าไฟฟ้าของคุณได้อีกด้วย ถึงแม้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายเพียงใด แต่ตัวคุณยังไม่เลิกพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าอย่างฟุ่มเฟือย จะใช้แสงจากธรรมชาติสักเท่าใด ก็ช่วยคุรไม่ได้ได้เหมือนกัน